ประวัติหลวงพ่อสุพจน์ วัดห้วงพัฒนา อ.เขาสมิง ตราด
พระครู สุพจนวรคุณ ฐิตพฺพโต หลวงพ่อสุพจน์ (เทพเจ้าแห่งเสือสมิง)
วัดห้วงพัฒนา ตำบลแสนตุ้ง อำเภอเขาสมิง จังหวัดตราด
ในยุคแห่งสมถกรรมฐานกำลังเจริญรุ่งเรือง ดุจประทีปธรรมของพระพุทธองค์ ถูกจุดว่างไสวขึ้น ณ. แดนดงอันวิเวก ห่างไกลความเจริญนั้น
หลวงพ่อ สุพจน์ ฐิตพฺพโต เป็นพระสานุศิษย์องค์หนึ่งของแม่ทัพธรรมสายอรัญวาสี ซึ่งมีจิตมุ่งมั่นปฏิบัติธรรม เพื่อเป็นไปตามแนวทางของการหลุดพ้นตามวิถีครูบาอาจารย์ผู้มีความชำนาญในสายวิปัสสนากรรมฐานท่านมีใจรักและเลื่อมใสในการปฏิบัติธรรมมาก่อน
นามเดิม สุพจน์ นามสกุล รัตนพาหิระ อายุ ๖๗ พรรษา ๔๖ เกิดเมื่อวันพุธ (ชึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีระกา) เดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๘ ณ. บ้านเลขที่ ๔๐ ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เป็นบุตรของพ่อสวงษ์ และคุณแม่พร รัตนพาหิระ มีพี่น้องรวมทั้งหมด ๘ คนด้วยกัน
๑. คุณจำรูญ มุสิกะรัตน์
๒. พระครูสุพจนวรคุณ (หลวงพ่อ สุพจน์)
๓. คุณ รุจี รัตนพาหิระ
๔. คุณ ม้วน รัตนพาหิระ
๕. เป็นชายเสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็ก (ชื่อน้องป๊าด)
๖. คุณ สารภี รัตนพาหิระ
๗. พระอาจารย์ เสวต สุกุกสิริ
๘. คุณ ประพาน รัตนพาหิระ
ในวัยเด็กหลวงพ่อ สุพจน์ ได้เข้าเรียนหนังสือที่วัดคีริวิหาร ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด โดยในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน การศึกษาเล่าเรียนจึงต้องไปเรียนที่วัด หลวงพ่อได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบชั้นประถมปีที่๔ ซึ่งในสมัยนั้นก็นับว่าเรียนมากแล้ว
ผู้ที่อาศัยอยู่ในชนบทสมัยก่อนนั้นมีอาชีพหลักคือการทำนา โดยสมัยนั้นยังใช้วัวควายไถนาปลูกข้าวอยู่ ว่างจากการเล่าเรียน หลวงพ่อท่านก็ช่วยโยมบิดามารดาทำนา หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวเข้ายุ้งฉางแล้ว หลวงพ่อก็ไปช่วยทำงานในสวนอีก ตั้งแต่ปักไม้และขุดหลุมเพื่อเอากล้ายางพาราลงปลูกไปเป็นแถวๆ ช่วยใส่ปุ๋ย พรวนดิน รดน้ำ ถากหญ้ารอบๆโคนต้นยางเรียกว่าหนักเอาเบาสู้ ทำด้วยความขยันขันแข็งจนเป็นที่รักใคร่ของโยมบิดามารดาและญาติๆบางครั้งหลวงพ่อยังไปรับจ้างเลื่อยไม้ จนเป็นที่ยอมรับกันในหมู่บ้านว่า หลวงพ่อเป็นผู้มีฝีมือในการเลื่อยไม้คนหนึ่งในตำบลชำราก ดังนั้นจึงมีคนมาจ้างให้เลื่อยไม้เป็นประจำมิได้ขาด
อุปนิสัยของหลวงพ่อ ผู้ใกล้ชิดสมัยนั้นเล่าให้ฟังว่า ตอนเริ่มเป็นหนุ่มก็มีนิสัยดื้อรั้นบ้างแต่ไม่มากล แต่หลวงพ่อเป็นคนจริง จึงเป็นเหตุที่มาของการที่หลวงพ่อ ประสพผลสำเร็จในการปฏิบัติธรรม จนมีกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรขจายไปทั่วจังหวัดตราดและในเขตใกล้เคียง
เมื่อหลวงพ่อมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ โดยโยมบิดามารดาจึงพร้อมใจกันให้หลวงพ่อบรรพชาอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดคีริวิหาร ตำบลชำราก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เมื่อวันที่๒๒ พฤษภาคม ๒๕๐๘ ได้รับฉายาว่า ฐิตพฺพโต แปลว่า ผู้มีวัตรอันตั้งอู่แล้ว โดยมีพระวินัยบัณฑิต(ถาวร ฐานุตฺตโร ป.ธ.๗) วัดวรดิตถาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาทองดี อนาวิโล(ปัจจุบันพระเทพเมธาจารย์ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดตราด ธ.) วัดวรดิตถาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์พระหัน คุณวนฺโต (ปัจจุบัน พระโวภณธรรมธาดา เจ้าคณะจังหวัดตราด ธ.) วัดคีริวิหารเป็นพระอนุสาวนาจารย์ เมื่อหลวงพ่อได้บรรพชาอุปสมบทแล้วได้ศึกษาธรรมวินัยและจำพรรษาอยู่ที่วัดคีริวิหาร ในพรรษาแรกหลวงพ่อได้ตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ควบคู่กับการศึกษาพระธรรมวินัย พร้อมทั่งท่องบ่นสาธยายมนต์และหนังสือนวโกวาท ซึ่งเป็นพื้นฐานเบื้องตนของพระสายกรรมฐาน ที่พระอริเจ้าทั้งหลายได้พากันดำเนินมา อีกทั้งหลวงพ่อยังได้ออกธุดงค์ชนิดบุกเดี่ยวฝากชีวิตไว้กับพระรัตนตรัย เอาความเป็นความตายเข้าแลก เพื่อดำรงธรรมของพระพุทธเจ้าเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์ ทราบว่าหลวงพ่อจาริกไปทางเมืองเหนือ เข้ากราบนมัสการครูบาอาจารย์เพื่อขอเป็นศิษย์สายพระอาจารย์มั่น คือหลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร แห่งวัดถ้าผาป่อง จังหวัดเชียงใหม่ บำเพ็ญภาวนาอยู่นานหลายปี ท่านได้มอบตัวเป็นศิษย์และอยู่ศึกษาอบรมสมาธิในสายหลวงปู่มั่นเรื่อยมา ด้วยความจริงใจและเด็ดเดี่ยว หลวงพ่อสุพจน์ได้ฝึกปฏิบัติกรรมฐานในป่าอันสงัด ห่างไกลจากบ้านเรือนของผู้คน โดยตั้งปณิธานไว้ว่า จะเป็นก็เป็น จะตายก็ตาย จิตมุ่งอยู่แต่สมาธิภาวนาเท่านั้น ขณะที่ศึกษาอบรมอยู่กับหลวงปู่สิม ก็ได้เรียนรู้ข้อปฏิบัติอันเป็นเครื่องขูดเกลากิเลส ตลอดถึงจิตภาวนาที่หลวงปู่สิมได้พาดำเนินไปด้วยความถูกต้องดีงาม ตามหลักพระธรรมวินัย ซึ่งหลวงพ่อสุพจน์ ท่านได้สืบทอดข้อวัตรปฏิบัติเรื่อยมา และอุบาสก อุบาสิกาในเวลาต่อมา และครูบาอาจารย์อีกหลายท่านที่หลวงพ่อได้เคยเข้าไปศึกษาอบรมสมาธิภาวนาเช่น วรหลวงปู่เหรียญ ลาโภ จังหวัดหนองคาย หลวงพ่อเทศน์ เทสรังสี จังหวัดหนองคาย หลวงพ่อท่อน ญาณธโร จังหวัดเลย หลวงพ่อคำพอง หลจังหวัดขอนแก่น วงพ่ออ่อนศรี ฐานวโร วัดถ้ำประทุม จังหวัดชลบุรี อาจารย์ฟั่น อาจาโร หลวงปู่ขาว อนาลโย หลวงตามหาบัว จังหวัดอุดรธานี หลวงพ่อศรี ฐิตธมฺโม ถ้ำเหวลึก จังหวัดสกลนคร หลวงพ่อสรวง สิริปุญโญ วัดศรีฐานใน จังหวัดยโสธร หลวงพ่ออินทร์ กุสลจิตโต วัดสันติธรรม จังหวัดเชียงใหม่ หลวงพ่อจันทร์โสม กิตติกาโม ทายาทหลวงปู่สิม และหลวงพ่อประสิทธิ์ จังหวัดเชียงใหม่
หลวงพ่อได้จำพรรษาอยู่ที่วัดวรดิตถารามถึง พ.ศ ๒๕๑๒ เพื่ออุปัฏฐาก พระอุปัชฌาย์พร้อมทั้งศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม และหลวงพ่อได้แบบอย่างความความเป็นพระสุปะฏิปันโน จากพระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อเอง คือเป็นพระมักน้อยสันโดษมีศีลาจารวัตรที่งดงาม ควรแก่การกราบไหว้เป็นอย่างยิ่ง หลวงพ่อมักจะปรารถถึงพระอุปัชฌาย์ ของหลวงพ่ออยู่เสมอๆเมื่อเทศน์อบรมพระภิกษุสามเณรในวัด ให้เห็นถึงข้อวัตรปฏิบัติของพระอุปัชฌาย์ โดยมักยกเป็นตัวอย่าง ดังจะเห็นได้จากการที่หลวงพ่ออบรมพระภิกษุสามณรว่า”ท่านให้ความเคารพนับถือด้วยความจริงใจ ข้อนี้ถือว่า ท่านมีความกตัญญูต่อครูบาอาจารย์ ที่เราท่านทั้งหลายควรน้อมนำมาเป็นแบบอย่างและประพฤติปฏิบัติ เจริญรอยท่าน จึงได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่ดี”
หลวงพ่อสุพจน์ ได้สร้างบารมีอยู่ในป่าเขา เป็นเวลายาวนาน มีประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับสัตว์ป่าทั้งหลายเช่น ลิง ค่าง ช้าง เสือ เวลาท่านนึกถึงอะไร สิ่งนั้นมักจะมาตามความรำพึงนึกคิดเสมอ เช่นนึกถึงช้าง ว่าหายหน้าไปไหนนานไม่ผ่านมาทางนี้เลย พอตกกลางคืนดึกๆช้างก็จะมาหาจริงๆ และเดินตรงมายังภายในกุฏิที่ท่านพักอยู่ พอให้ทราบว่าเขามาหาแล้ว ช้างก็จะกลับเข้าป่าไป เวลาที่ท่านนึกถึงเสือ ก็เช่นกัน นึกถึงตอนกลางวัน ตกกลางคืนเสือก็มาเพ่นพ่านภายในวัดบริเวณที่ท่านพักอยู่ หลวงพ่อสุพจน์ ท่านได้บำเพ็ญเพียรออกธุดงค์ เพื่อเผยแผ่พระธรรม คำสอนตามสถานที่ต่างๆหลายแห่ง
เมื่อหลวงพ่อ มีพรรษา๕พรรษาแล้ว จึงมาจำพรรษาอยู่ที่ห้วงพัฒนา หลวงพ่อสุพจน์ ท่านเป็นพระภิกษุ ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มีข้อวัตรปฏิบัติงดงาม สมควรจดจำเป็นแบบอย่าง
ท่านมีความพากเพียร มุ่งมั่นในการปฏิบัติ ปฏิบัติจนมีชื่อเสียง ศรัทธาญาติโยมทั้งใกล้และไกลมักกล่าวกันปากต่อปาก หลวงพ่อท่านตั้งอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติอันดีงามเสมอต้นเสมอปลายตั้งแต่หลวงพ่อท่านยังมีอายุพรรษาไม่มาก ท่านได้บำเพ็ญตนให้เป็นแบบอย่างคือท่านมีความเด็ดเดี่ยวในข้อวัตรปฏิบัติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเดินจงกรม หลวงพ่อสุพจน์ได้เน้นเป็นพิเศษ กล่าวคือเมื่อฉันเสร็จ เริ่มเดินจงกรมเป็นพุทธบูชา พอถึงบ่ายสองโมงเริ่มเดินจงกมถวายเป็นธรรมบูชา จนถึงบ่าย ๔ โมง และเมื่อทำข้อวัตรเสร็จสิ้นแล้วก็จะเริ่มเดินจงกรมถวายเป็นสังฆบูชา จนถึงประมาณ ๔-๕ ทุ่ม จึงเข้าที่พักเพื่อบำเพ็ญภาวนาต่อไปทุกๆวันเวลาเช้าราวตีสาม ก็จะลุกขึ้นเจริญจิตตภาวนาและพาภิกษุสามเณรพร้อมญาติโยมที่มาบวชนุ่งขาวห่มขาว เจริญจิตตภาวนาไปด้วยทุกครั้ง
หลวงพ่อไม่เคยขาดการทำวัตรสวดมนต์ทั้งเช้าและเย็น ยกเว้นบางวันที่หลวงพ่อท่านออกไปทำธุระทางพระศาสนา แล้วกลับไม่ทัน นอกจากนั้นแล้วกิจวัตรของหลวงพ่อคือการทำสมาธิภาวนาทั้งเช้าเย็น โดยมิได้แสดงความเบื่อหน่ายให้เห็นเลย ทั้งยังได้สงเคราะห์วัตถุและปัจจัยทั้งในวัดและนอกวัด โดยมีเมตตาคุณเป็นที่ตั้ง จึงทำให้ญาติโยมสาธุชนทั้งหลายได้มีโอกาสได้กราบไหว้บูชาพระสุปะฏิปันโนอีกรูปหนึ่งอย่างสนิทใจ